“ศิษย์ตั้งใจไปอัญเชิญพระสูตรที่อินเดีย ไม่ใช่เพื่อทรัพย์สินเงินทอง ไม่ใช่เพื่อความเพลิดเพลิน เพียงมุ่งหวังได้มาซึ่งอนุตตรสัทธรรม เพื่อเอื้อประโยชน์แก่สัตว์โลกทั้งหลาย ขอมหาเมตตามหากรุณาโพธิสัตว์สืบเสาะตามเสียงมาดับทุกข์แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากเถิด”
พระถังซัมจั๋ง จริงๆ เป็นชื่อในนิยายไซอิ๋ว ส่วนบุคคลทางประวัติศาสตร์จริง ชื่อ เสวียนจั้ง หรือ เสวียนจ้าง เป็นชาวมณฑลเหอหนาน เกิดปี พ.ศ. 1139 (ค.ศ 596) ตั้งแต่อายุยังน้อยก็มีความสามารถอันโดดเด่นและน่าทึ่ง เนื่องจากท่านศึกษาพระคัมภีร์ต่างๆ ด้วยตนเองและสามารถท่องจำพระคัมภีร์ต่างๆ ได้
หลังจากที่บิดาเสียชีวิต ท่านได้ติดตามพี่ชายคนรองซึ่งเป็นพระภิกษุไปยังเมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน จนเมื่อท่านอายุได้ 13 ปี ตอนนั้นมีพระบรมราชโองการให้อุปสมบทพระสงฆ์จำนวนจำกัด โดยมีการสอบคัดเลือกก่อน แต่เนื่องจากท่านอายุยังน้อยจึงไม่ผ่านเกณฑ์ ท่านจึงไปยืนอยู่ที่ริมประตูหอหลวง ขณะนั้นข้าหลวงผู้คุมงานเห็นเข้า รู้สึกประหลาดใจ ถามว่า “เธอคิดจะบวชเพื่ออะไร” ท่านตอบว่า “เพื่อสืบทอดภารกิจแห่งพระตถาคตเจ้า และนำพระธรรมคำสอนไปเผยแผ่ให้ปกแผ่ไพศาลยิ่งขึ้น” ท่านข้าหลวงสรรญเสริญในความคิดนี้ จึงได้คัดเลือกให้บวชเป็นกรณีพิเศษ (พระถังซัมจั๋งอุปสมบทเมื่ออายุ 13 โดยการคัดเลือกเป็นกรณีพิเศษ)
ตามประวัติพระถังซัมจั๋ง ช่วงเวลาที่ท่านเกิดในช่วงนั้น เป็นช่วงที่พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมากในจีน แต่ใช่ว่าอยู่ๆ พุทธศาสนาจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างง่ายดาย เพราะในสมัยนั้นคนจีนไม่ยอมรับพุทธศาสนา คนส่วนใหญ่นับถือลัทธิขงจื้อกับลัทธิเต๋าอยู่ ซึ่งการที่พุทธศาสนาทิ้งครอบครัวเพื่อออกบวช หรือการที่พระสงฆ์ไม่ต้องทำความเคารพกษัตริย์ ยังเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับความเชื่ออยู่ เนื่องจากกษัตริย์ถือเป็นบุคคลที่มีความสำคัญสูงสุด
ช่วงปลายราชวงศ์สุย เกิดการจลาจลไปทั่วทุกแห่งหน ท่านจึงออกเดินทางไปยังเมืองฉางอาน (ปัจจุบันคือ เมืองซีอาน Xi’an) ถึงแม้จะเป็นเมืองใหญ่แต่พระถังซัมจั๋งก็รู้สึกผิดหวัง เพราะเมืองฉางอานไม่มีสถานที่ศึกษาพุทธศาสตร์ และคัมภีร์ที่มีอยู่ก็สู้ที่ลั่วหยางไม่ได้ เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะในช่วงสงครามคัมภีร์พระสูตรต่างๆ จะถูกเก็บซ่อนไว้
พระถังซัมจั๋งได้ตัดสินใจเดินทางไปนครฮั่นซวน มณฑลเสฉวน ศึกษาธรรมะกับพระอาจารย์หลายท่านจนแตกฉาน และได้เดินทางไปยังเฉิงตู ท่านอ่านหนังสือทุกเล่ม จนไม่ที่ให้ศึกษาเพิ่มเติมอีกแล้ว ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุตามพระวินัยเมื่ออายุได้ 20 ปี หลังจากนั้นท่านตัดสินใจเดินทางกลับไปฉางอานอีกครั้ง ท่านได้เดินทางเสาะแสวงหาอาจารย์เพื่อศึกษาเพิ่มเติมที่มณฑลเหอเป่ย มณฑลเหอหนาน จนกระทั่งเมื่อท่านอายุได้ 23 ปี ท่านจึงได้กลับไปฉางอาน ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงที่เมืองสงบ คัมภีร์และพระสูตรต่างๆ ได้เปิดออกมา ฉางอานจึงเป็นเมืองสำคัญในการศึกษาพุทธรรมอีกครั้ง
สาเหตุที่พระถังซัมจั๋งตัดสินใจเดินทางไปอินเดีย 1.เนื่องจากท่านศึกษากับพระอาจารย์หลายท่าน แต่ความเข้าใจของพระอาจารย์แต่ละท่านก็ต่างกันไป 2.การแปลคัมภีร์พระสูตรจากภาษาสันสกฤตมาเป็นภาษาจีน มีไม่มากและมีข้อผิดพลาด 3.เส้นทางการคมนาคมที่ไปอินเดียไม่สะดวก การนำคัมภีร์กลับมาจึงเป็นเรื่องยาก (ประวัติพระถังซัมจั๋งเส้นทางการเดินทางตั้งแต่ออกจากเมืองลั่วหยาง ไปฉางอาน ค.ศ. 618 จนกระทั่งกลับมาอีกครั้งปี 625)
พระถังซัมจั๋ง ได้พบกับพระอาจารย์จากอารามนาลันทาซึ่งเดินทางถึงฉางอานทางทะเล และได้แนะนำท่านว่า “เพื่อให้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของตำราศักดิ์สิทธิ์ท่านต้องไปที่อารามนาลันทา” ด้วยคำกล่าวนี้กลายเป็นแรงผลักดันให้ท่านอยากเดินทางไปตะวันตกมากยิ่งขึ้น
พระถังซัมจั๋งได้ถวายฎีกาต่อองค์ฮ่องเต้ เพื่อขออนุญาตเดินทางแต่ก็ไม่สำเร็จ จนในรัชสมัยถังไท่จง ฉางอานประสบภัยธรรมชาติ ราชวงศ์จึงให้ราษฏรออกไปหากินนอกพื้นที่ ท่านเลยถือโอกาสนี้ หนีปะปนไปกับชาวบ้าน แต่ไม่ว่าท่านไปที่ไหน ก็จะมีคนอาราธนาท่านไปแสดงธรรมเทศนา ผู้คนก็พากันมาฟังธรรมเทศนาจากท่านและพากันยกย่องสรรเสริญท่านต่างๆ นาๆ
หน้าที่เข้าชม | 134,120 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 85,419 ครั้ง |
เปิดร้าน | 4 ส.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 11 ก.ย. 2568 |